You Will Die ทุกสิ่งจะย้อนกลับมา!!!
เลือดต้องล้างด้วยเลือด การกระทำทุกอย่างจะย้อนกลับคืนสู่ตัวผู้กระทำ!!!
ผู้เข้าชมรวม
411
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ทุกคนคงมีภาพของสวรรค์และนรกในจินตนาการของแต่ละคน ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพรรค์นี้ แต่เมื่อผมได้เห็นภาพวาดตรงหน้า ผมกลับรู้สึกว่าสวรรค์และนรกที่ทุกคนพูดถึงอาจจะมีจริง…
ภาพวาดสีน้ำมันตรงหน้าของผม เป็นภาพของประตูสวรรค์ที่เปล่งประกายสรทองอร่าม เทพยาดาน้อยมีปีกจิ๋วมากมายโบยบินอยู่หน้าทางเข้าไปสู่แสงสว่างที่จ้าจนมองไม่เห็น ภาพ ๆ นี้คงเป็นเสมือนภาพตัวแทนของสวรรค์ในหัวใจของคนหลาย ๆ คน ถ้า ไม่เพราะแบล็คกราวที่ควรสว่างไสวกลับดำมืด แดดรุ่งสางกลับเป็นสีแดงสดเข้ากับร่างของยมทูตชุดคลุมสีดำที่แฝงตัวอยู่หลังบานประตูสู่สวรรค์
ยมทูตซึ่งถือเคียวสีแดงคล้ำราวกับสีที่ถูกใช้คือเลือดที่แห้งกรัง พร้อมลายเซ็นชื่อผู้วาดภาพสีเดียวกันและประโยคที่เมื่อผมอ่านแล้วรู้สึกขน ทั่วกายลุกชัน
ปุนยวัฒน์ 13/12/52 เลือดต้องล้างด้วยเลือด การกระทำทุกอย่างจะย้อนกลับคืนสู่ตัวผู้กระทำ!!!
“ทำไมไอ้ภาพบ้านี่ถึงมาอยู่ที่นี่” ผมและกลุ่มเพื่อนซึ่งวันนี้จะมาเตรียมจัดห้องชมรมวาดเขียนห้องใหม่ มองภาพที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ผมรู้สึกถึงลางร้าย…
“ไอ้แบงค์ รูปนี้แกทิ้งไว้ในห้องนั้นด้วยไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ กูทิ้งไว้ข้างล็อกเกอร์ที่ขังไอ้ปุนไว้นั่นแหล่ะ” ผมตอบกลับไป ก่อนลูบหน้าของตัวเองที่เหงื่อเย็น ๆ ไหลไม่ยอมหยุด “แล้วกูก็มั่นใจด้วยว่าตอนนั้น ภาพ ๆ นี้มีแค่ประตูสวรรค์อย่างเดียว”
คำพูดของผมทำเอาเพื่อนๆในชุมนุมที่เหลือพากันชะงัก ความจริงทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าภาพสุดท้ายที่ปุนยวัฒน์ เพื่อนของพวกเราวาดคือภาพในคอนเซ็ปประตูสวรรค์
ภาพที่ไม่มีวันเขียนได้จบ เพราะปุนได้ตายไปในอุบัติเหตุไฟไหม้เมื่อสิบวันก่อน!!!
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
ทุก คนในห้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมลมหนาวที่พัดผ่านร่างกายของทุกคน ผมรู้สึกว่าตัวเองแทบช๊อคขนทั่วกายลุกชัน เพราะเสียงเคาะประตูที่ได้ยิน มันเหมือนเสียงเคาะตู้ไม้ ซึ่งไม่ควรมีในห้องสร้างใหม่ที่โบกปูนทั้งห้อง และเช่นกับลมหนาวที่ผ่านตัวผมไปเมื่อครู่มันก็ไม่ควรมี ก็ในเมื่อตอนนี้ห้องที่พวกผมอยู่นั้นปิดสนิทไร้ที่ซึ่งจะมีลมพัด แล้วลมพวกนี้มันมาจากไหนละ!!!
สีหน้าของเพื่อนๆเองก็เป็นเหมือนกับผม ทุกคนกำลังตื่นกลัวสุดขีด เดียร์ ปิง สองคู่หูที่ซ่าได้ตลอดเงียบกริบหน้าซีด ในขณะที่บาส กับ พีท สองเพื่อนร่างยักษ์ใจดีก็ตัวสั่นงก จะมีดูดีหน่อยก็ยัยน้ำสาวซ่าประจำชมรมที่ท่าทางดูเป็นปกติที่สุด แต่เมื่อผมสังเกตดูดี ๆ ผมก็พบว่าเธอเองก็กำลังสั่นเหมือนกัน
“กูว่าพวกเรารีบไปจากที่นี่เถอะ” เดียร์กับปิงเป็นสองคนแรกที่เดินตรงไปยังทางออก แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินไปถึงประตู ทั้งคู่ก็ชะงักกึกก่อนหันหลังวิ่งกลับมาหากลุ่มผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุด ขีด
“พวกมึงเป็นอะไรวะ” ผมถามอย่างใจไม่ดี
“กูได้ยินเสียงคนเคาะประตู!!!” ทั้งเดียร์และปิงตะโกนขึ้นพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ ถ้าเป็นปกติผมมักจะขำกับท่าทางเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของพวกมัน แต่ตอนนี้ผมชักคำไม่ออก
“เมื่อครู่ฉันก็ได้ยิน แต่มันเงียบไปแล้วนี่” น้ำบอกเสียงสั่นก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อปิงตรงเข้ามาจับไหล่เธอเขย่าพร้อมร้องตะโกน
“แต่ฉันยังได้ยินอยู่ ไอ้เสียงเคาะประตูบ้านี่มันยังไม่ยอมหยุดเลย แถมดังขึ้นเรื่อยๆด้วย!!!”
สำหรับผม ตอนนี้ท่าทางของปิงเหมือนคนที่สติกำลังจะแตกอยู่รอมร่อ ซึ่งเมื่อมองไปทางเดียร์ เดียร์เองก็เหมือนกัน เดียร์กำลังพยายามเอานิ้วอุดหูแบบเต็มแรงจนเห็นเส้นเลือดที่มือชัดเจน เขาคงเป็นอีกคนที่ไม่ต้องการให้เสียงใดผ่านเข้าไปสู่ความรับรู้ ท่าทางกลัวจนขาดสติของสองคนนี้ทำให้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่น่ากลัว มันกำลังจะเกิดขึ้น
และมันก็เกิดขึ้นจริง เมื่อนิ้วของเดียร์ที่กำลังอุดหูตัวเองอยู่แทงทะลุเข้าไปในหูมิดนิ้วราวกับ จิ้มเข้าไปในขมับ เลือดสีแดงสดไหลทะลักจากง่ามนิ้วมือลงไปตามแขนย้อมชุดนักเรียนสีขาวสะอาด เป็นสีแดงสด น้ำที่ปกติดูใจแข็งกว่าผู้หญิงทั่วไปยังขวัญเสียจนร้องกรี๊ดสุดเสียง ในขณะที่ทุกคนที่เหลือมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เดียร์ที่ตอนนี้สองแขนเต็มไปด้วยเลือดร้องตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์ แล้ววิ่งตรงไปยังภาพวาดประตูสวรรค์ของปุน ก่อนจะล้มตัวลงนั่งท่าขอขมา แล้วเอาหัวตัวเองโขกกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า จากตอนแรกหัวแค่แตกมีเลือดไหลซิบๆ แต่ยิ่งนานความแรงในการกระแทกยิ่งมากขึ้น แผลบนหัวและใบหน้ายิ่งฉกรรจ์ เลือดและเศษเนื้อกระเซ็นไปทั่วบริเวณรูปภาพ
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเพื่อนๆที่เหลือเป็นไงกันบ้าง ผมรู้เพียงแค่ใจหนึ่งผมอยากจะเข้าไปช่วยหรือจับให้เดียร์หยุดการกระทำบ้าๆ ของมัน แต่ขาของผมกลับแข็งทื่อไม่อาจขยับเขยื้อน สิ่งเดียวที่ผมทำคือก้มลงโก้งคืออ้วกเอาทุกสิ่งทุกอย่างในท้องออกมา และเมื่อผมเงยหน้าขึ้น ผมก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่า เดียร์เพื่อนของผมยังคงก้มลงโขกหัวกับพื้นขอขมาอยู่แม้ใบหน้าจะแหลกเละ หน้าผากเห็นกะโหลกศีรษะขาว
เดียร์ควรตายไปแล้วแต่ยังก้มขอขมาอยู่… การขอขมาที่ความตายไม่เพียงพอให้ชดใช้
ผมละสายตาไปมองเพื่อนคนอื่นที่นิ่งแข็งเป็นหิน ทุกคนคงคิดเหมือนผมเรื่องที่จะเข้าไปหยุดเดียร์ แต่ได้ไม่มีใครก้าวขาออกเพราะทุกคนต่างถูกความกลัวเข้าครอบงำ ไม่มีใครเลยนอกจากปิงที่ดูเหมือนได้สติก่อน แล้ววิ่งเข้าไปเพื่อจะหยุดเดียร์
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ปิงที่ตอนนี้ผมมั่นใจแน่แล้วว่ามันเสียสติ หยิบเก้าอี้เข้าไปง้างขึ้นสูงหมายจะฟาดใส่ภาพประตูสวรรค์ ซึ่งขณะที่มันง้างเก้าอี้ขึ้นสูงนั้นเอง ขาก็อี้ก็ได้ไปขัดกับผัดลมแขวนบนเพดาน และพริบตาต่อมาก้านเหล็กของพัดลมใหม่เอี่ยมก็หัก ใบมีดคมกริบพุ่งกระจายไปคนละทิศละทาง
มีอันหนึ่งที่พุ่งผ่านหัวของปิงไป ตอนแรกที่ผมมองอยู่ผมนึกว่ามันไม่ได้โดนหัวปิง แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ หน้าอันเหยเกของปิงที่เต็มไปด้วยความกลัวเกิดรอยกรีดบางๆลากผ่านตาซ้ายจมูก ไปจนถึงคาง รอยนั้นเป็นรอยสีแดงจางๆ ก่อนที่จะมาเลือดหลายสายพุ่งปรี๊ดออกมาจากรอยนั้น แล้วส่วนหัวด้านบนของปิงก็ล่วงลงสู่พื้น ชิ้นส่วนสมองไหลทะลักออกมาอย่างน่าสะอิดสะเอียด
ผมรู้สึกอยากจะอ้วกอีกรอบ แต่ผมคงไม่มีเวลาทำเช่นนั้น เพราะผมได้เหลือบไปเห็นชิ้นส่วนใบพัดชิ้นหนึ่งพุ่งเข้าไปทางน้ำ ผมรีบรวบรวมกำลังทั้งหมดกระโจนไปผลักน้ำออกไปจากรัศมีของคมมีดนรก ผมทำสำเร็จเมื่อน้ำรอดจากใบพัดชิ้นนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด เพียงแต่ไอ้ใบพัดชิ้นนั้นไม่ได้หยุดแค่นี้ มันพุ่งต่อไป ตรงเข้าใส่หน้าอกของพีทที่ยืนอยู่ข้างหลัง!!!
ร่างอันใหญ่โตของหนึ่งในสองยักษ์ใจดีโงนเงนเลือดมากมายไหลทะลักจากบาดแผลตรงกลาง หน้าอกซึ่งคาดว่าใบพัดนั้นคงทะลุปอด พีทกำลังจะตายแต่พีทก็ยังพยายามพูดบางอย่าง
“สะ…เสียง”
กึก!!!!!!
ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นคอ ก็มโนภาพต่างๆตรงหน้าจะค่อยๆหายไปสู่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
ปึง!! ปึง!! ปึง!!
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ”
ปุนร้องอ้อนวอนพลางทุบประตูอย่างอ่อนแรง ท่าทางของเด็กหนุ่มร่างบางที่ถูกขังอยู่ในล๊อกเกอร์ไม้เก็บของดูน่าเวทนา ยิ่งนัก เมื่อมีกลุ่มเด็กหนุ่ม 5 ยืนหัวเราะกับสภาพของเขาอยู่ข้างนอก
“ปล่อยน่ะปล่อยได้ แต่ก่อนปล่อยแกต้องก้มกราบขอโทษที่ แย่งรางวัลชนะเลิศไปจากพวกเราก่อน” เดียร์หัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มที่ถูกขังอยู่ข้างในยอมก้มลง กราบพวกเขาจริงๆ แถมยังปากบอกขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่ ไอ้คนที่อยู่ข้างในเป็นผู้ชนะรางวัลวาดรูปยอดเยี่ยมด้วยตัวเอง ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่เป็นพวกเขาที่อิจฉามันที่ดันได้รางวัลหักหน้าพวกเขาจึงแกล้งจับมันมาขัง ไว้ที่นี่ตะหาก
“กูวันท่าทางมันตลกดีวะ เหมือนลูกหมาขี้เรื้อนอยากออกจากกรงดี แต่จะว่าไปคงต้องเรียกมันว่าเป็นหมาจรจัดไร้พ่อไร้แม่ดีกว่า” พีทพูดเหยียดหยามซึ่งทันที่พูดจบน้ำตาของเด็กหนุ่มผู้อ่อนแอที่ถูกขังอยู่ก็ ไหลอาบแก้ม ปุนรู้สึกปวดที่หน้าอกราวจะขาดใจ น้ำตาที่ไหลมันเพราะพีทได้พูดแทงใจดำเรื่องที่พ่อแม่เขาตาย
“ใช่ ๆ หมาจรจัดไร้พ่อไร้แม่ แต่กูว่ามันเหมือนหมาขี้เรื้อนมากกว่านะ ยิ่งตอนนี้มันถูกกูโกนหัวเป็นหย่อมๆยิ่งเหมือนเลย” ปิงว่าแล้วก็หัวเราะ เป็นต้นเสียงให้ทุกคนช่วยหัวเราะกันตามจนเสียงดังลั่นห้อง
ปึง!!..........ปึง!!..........ปึง!!
“ได้โปรดเถอะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ” ปุนยังคงอ้อนวอนพร้อมเคาะประตูล๊อกเกอร์อย่างน่าสงสาร แต่เด็กหนุ่มทั้งห้ากลับหัวเราะขำกันโดยไม่มีท่าทางว่าจะสนใจสิ่งที่เด็ก หนุ่มพูด
“กูว่าอย่าพึ่งปล่อยมันเลยดีกว่า ขังมันไว้ที่นี่ซักคืนให้มันหิวจนไส้กิ่วน่าจะสะใจ”
บาสพูดทิ้งท้าย ก่อนที่ทุกคนจะตัดสินใจทิ้งปุนไว้ในล๊อคเกอร์ ตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาปล่อยออกไป ซึ่งความจริงคงเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ทำให้ปุนซึ่งถูกขังอยู่ในล๊อกเกอร์นั้นถูกเผาตายทั้งเป็นซะก่อน!!!
เฮือก!!!
ผม สะดุ้งตื่นขึ้นมา มโนภาพที่มืดมิดในอดีตกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ตอนนี้ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มสบาย และห้องที่รอบด้านมีแต่สีขาวสะอาดตา
โรงพยาบาล…
หลังจากผมหายมึนหัวแล้วสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวก็รู้ได้ไม่ยากว่า ห้องที่ผมอยู่ตอนนี้คือห้องพยาบาลของโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง
“น้ำ” ผมเรียกชื่อเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยเสียงแหบแห้ง
“ไม่ต้องลุกก็ได้แบงค์ นายคงยังมึนหัวอยู่นอนคุยกับฉันก็ได้” น้ำบอกผมด้วยน้ำเสียงแหบแห้งพลางผลักผมที่กำลังจะลุกขึ้นนั่งให้กลับไปนอนเหมือนเดิม
“เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“นายโดนคานไม้ในห้องศิลปะหล่นลงมากระแทกหัว”
“แล้วเดียร์ ปิงกับพีทละ”
“ตายแล้ว…”
น้ำตอบสั้นๆ แต่ถ้อยคำที่ออกจากปากเธอทำเอาผมจุกแน่นที่หน้าอก ภาพของเพื่อนๆที่เมื่อเช้ายังคุยเล่นหัวกันอยู่ไหลผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง ภาพเหล่านั้นคงไม่มีอีกแล้ว เพราะพวกเขาได้จากผมไปตลอดกาล จากผมไปด้วยการตายอันน่าสยดสยองที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาเกิดขึ้นกับพวกเรา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” ผมกัดฟันกรอด ขณะที่ตัวเองรู้สึกได้ว่าน้ำอุ่นๆมันไหลออกมาจากดวงตาเป็นสาย
น้ำตาที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำตาเพื่อเพื่อนที่จากไป หรือเพื่อตัวเองที่กำลังจะจากไป…
"แล้วไอ้บาสล่ะ มันปลอดภัยไหม"
"บาสหลบคานที่หล่นมาได้หวุดหวิด แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะช็อกพวกหมอเลยส่งไปให้จิตแพทย์ช่วยดูแล"
ผมมองหน้าน้ำที่ซีดเซียว หมองคล้ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ไม่ใช่แค่บาสหรอกนะน้ำ เราทั้งคู่ก็เหมือนกัน...
ที่น้ำได้ยินเสียงเคาะประตูแปลว่าน้ำก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของปุน ถ้าเดียร์ ปิง พีท ตายเพราะเรื่องนี้พวกเราที่เหลือก็คงจะต้องตายเหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่าช้าหรือเร็ว
"ฉันว่ามันอาจเป็นคำสาป" น้ำพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมพยักหน้าแต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปาก
เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นรอบๆตัว น้ำทรุดลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น ขณะที่ผมหลับตานิ่งพยายามข่มความกลัวไว้ส่วนลึกของจิตใจ
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
เสียงของมันยังไม่หยุดและดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมมั่นใจว่ามันกำลังมาแล้ว
โครม!!
บานประตูถูกกระแทกเข้ามา พร้อมร่างสูงใหญ่ค่อนข้างท้วมของบาสซึ่งวิ่งตรงมาหาผม ผลักน้ำออกไปให้พ้นทาง กระชากร่างผมขึ้นจากเตียงและโยนผมไปที่ผนัง!! ผมรู้สึกเจ็บแปลบทั่วร่าง แต่ความสนใจของผมไปตกอยู่กับสิ่งที่เพื่อนร่างใหญ่ตรงหน้าพูด
"กูรู้ว่าเป็นมึงไอ้แบงค์ มึงสนิทกับไอ้ปุนที่สุด เป็นมึงใช่ไหมที่เก็บภาพบ้านั่นมาวาดแล้วฆ่าพวกเราเพื่อ
แก้แค้นให้มัน"
ผมรู้สึกพูดไม่ออกท่าทางของบาสในตอนนั้นน่ากลัวมาก บาสตรงหน้าไม่เหมือนเพื่อร่างยักษ์ที่ใจดีคนเดิมราวกับเขาได้กลายเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังใช้พละกำลังอันมหาศาลบีบคอผม!!
"มึงทำให้ไอ้เสียงบ้านั่นหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่"
มึงก็กำลังจะฆ่ากูอยู่... ผมอยากพูดสวนไปจริงๆเลย ถ้าบาสมันไม่ออกแรงบีบคอผมยิ่งขึ้นจมโน
ภาพต่างๆในสายตาเริ่มเลือนราง
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
จากเสียงเคาะประตูที่ดังและถี่ยิ่งขึ้นทำให้ผมมั่นใจได้ว่าการตายของผมต้องตายเพราะขาดอากาศหาย
ใจแน่
เพล้ง!! ฉึก!!
ผมเบิกตากว้างแทบถลน การตายของเพื่อนทั้งสามผมว่ามันน่ากลัวมากแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันน่ากลัวยิ่งกว่า เสียงเพล้งเมื่อครู่คือเสียงกระจกที่แตกด้วยแท่งเหล็กก่อสร้างขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้ามาเสียบท้องของบาสเลือดสีแดงสดมากมายไหลทะลักจากพุงของบาสพุ่งเข้ารดใบหน้าและร่างกายของผมจนชุ่มโชก แรงที่บีบคอหายไปแล้วหายไปพร้อมร่างไร้ชีวิตของบาสล้มลงสิ้นใจทับตัวผม
ผมไออย่างรุนแรงพยายามสูดอากาศเข้าปอดเต็มที่ ผมไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่ตัวเองรอดตายมาได้
ก็ผมจะดีใจได้ยังไงในเมื่อชีวิตของผมแลกมาด้วยชีวิตของเพื่อนสนิทที่เหลือทั้งหมด
พวกคุณฟังไม่ผิด เพื่อนทั้งหมด เพราะพริบตาที่แท่งเหล็กนรกทะลุหน้าต่างเข้ามาผมได้ยินเสียงน้ำร้องกรี๊ดแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่างด้วยท่าทางร้อนรนเหมือนหนีอะไรสักอย่าง กระโดดออกไปนอกหน้าต่างของตึกพยาบาลที่ปกติมีหลายสิบชั้น
ทุกคนตายหมดแล้ว...
ภาพในฝันไหลเข้ามาสู่จิตสำนึก ตอนนี้ผมเข้าใจถึงคำที่เขียนไว้บนรูปภาพประตูสวรรค์แล้ว
"เลือดต้องล้างด้วยเลือด การกระทำทุกอย่างจะย้อนกลับคืนสู่ตัวผู้กระทำ!!!"
น้ำ ผมไม่รู้ว่าเธอทำอะไรไว้บ้าง แต่
เดียร์ตายในท่าขอขมา เพราะบังคับปุนให้ขอโทษ
ปิงหัวขาดเพราะกล้อนผมปุน
พีทถูกเสียบอกเพราะทำให้ปุนเจ็บช้ำ
บาสถูกเสียบท้องเพราะหวังให้ปุนอดข้าว
แล้วผมล่ะ ผมทำอะไรแล้วจะตายด้วยอะไร
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
"มึงรู้ตัวเองดีว่ามึงทำอะไรไว้แบงค์" เสียงเย็นๆพร้อมลมหายใจที่ระต้นคอทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
เสียงที่ผมจำได้ เสียงของปุน!!!
"ไม่ๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะได้โปรด ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้" ผมหลับตาปี๋ไม่กล้าหันกลับไปมองที่มาของเสียงอยู่นาน
"กูก็เคยอ้อนวอนพวกมึงอย่างนี้"
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
"แต่ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ"
"ใช่ มึงไม่ได้ทำอะไร"
ถ้อยคำของปุนทำให้ผมใจชื้นขึ้น ปุนพุดแบบนี้แปลว่าปุนจะปล่อยผมไปใช่ไหม?
ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!...ก๊อก!!
"ไม่ได้ทำเลย!!!"
พรึ่บ!!
เปลือกตาของผมเบิกโพลงขึ้นอย่างไม่อาจห้ามตัวเอง ราวกับถูกใครบางคนแหกตาเมื่อพบกับภาพ
ของปุนที่ตอนนี้เป็นแค่เพียงเศษตอตะโกน่าสยดสยอง ผมอยากให้ตัวเองช็อคตายไปซะเดี๋ยวนั้น เรื่องบ้าๆพวกนี้
จะได้จบๆไป แต่ดูท่าวิญญาณร้ายตรงหน้าจะไม่ยอม
"มึงมองกู มึงดูกูถูกพวกมันแกล้ง มึงดูกูอย่างสมน้ำหน้า แล้วปล่อยให้กูตาย!!" ศพไหม้ของปุนตะโกนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกรอด
"การกระทำของมึงคือการละเลย และโทษของมันมีอย่างเดียว"
"อ๊าก!!!"
เลือดต้องล้างด้วยเลือด การกระทำทุกอย่างจะย้อนคืนสู่ตัวผู้กระทำ คุณไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเช่นนี้
แต่ผมอยากให้คุณเชื่อ ก่อนที่จะสายเกินไปเหมือนพวกผม...
ผลงานอื่นๆ ของ Ophelia Blood ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ophelia Blood
ความคิดเห็น